เงินกู้

เช็กลงทะเบียนแอพพ์ ทางรัฐ รับดิจิทัล เงิน10000 อยู่ขั้นตอนไหน มีสิทธิลุ้นเงินเฟส

รับดิจิทัลเงิน10000

กลุ่มเปราะบางและกลุ่มพิการ ได้รับเงิน 10,000 บาท ตาม “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ” ไปแล้วเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นวันแรก และวันพรุ่งนี้ (26 กันยายน 2567) จะมีการโอนให้กลุ่มเปราะบางอีก 4.5 ล้านคน เป็นวันที่ 2

ซึ่งกรมบัญชีกลาง จะโอนให้กับกลุ่มเปราะบางผ่านบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์บัตรประชาชน

สำหรับเฟส 2 ซึ่งจะมีการโอนให้กับกลุ่มทั่วไปที่ได้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งซึ่งในระบบแอพพ์ทางรัฐ บางคนขึ้นว่าอยู่ในขึ้นที่ 3 หรือ 4 หมายความว่าอะไร

วิธีตรวจสอบสิทธิเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท มีขั้นตอนดังนี้

1.เปิดแอพพ์ทางรัฐ เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดปุ่มตรวจสอบสถานะ

2.ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล และขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ให้ท่านกดปุ่มยืนยันข้อมูล

3.กรอกเบอร์โทรศัพท์และกดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)

4.กรอกรหัส OTP และกดปุ่มยืนยันโทรศัพท์มือถือ

5.จากนั้นกดปุ่มอนุญาต ให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

6.ระบบจะแสดงผลว่า สถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตของท่านอยู่ในขั้นตอนใด

โดยหากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ

หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือท่านไม่ได้รับสิทธิ

หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือท่านได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตส่วนระยะเวลา ยังไม่ได้กำหนดวันซึ่งกระทรวงการคลังรับปากว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 เตรียมแจกเงิน 1 หมื่น 25 ก.ย. 67

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันที่ 19 กันยายน 2567 มีรายงานว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 (โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเดิม) ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ จำนวน 14.55 ล้านคน คนละ 10,000 บาท โดยอนุมัติงบประมาณ 145,552 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางจะเริ่มทยอยจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป โดยขณะนี้กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้เตรียมความพร้อมที่จะจ่ายเงิน ดังนี้

  • วันที่ 25 กันยายน 2567 โอนเงินให้คนพิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 0 จำนวน 3.28 ล้านคน
  • วันที่ 26 กันยายน 2567 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 1-3 จำนวน 4.51 ล้านคน
  • วันที่ 27 กันยายน 2567 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 4-7 จำนวน 4.51 ล้านคน
  • วันที่ 30 กันยายน 2567 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 8-9 จำนวน 2.26 ล้านคน

สำหรับกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่

  • ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567
  • ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567
  • ครั้งที่ 3 ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567

เมื่อพ้นกำหนดการจ่ายเงินซ้ำครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ โดยเงิน 10,000 บาท สามารถนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตโดยไม่จำกัดประเภทร้านค้า โดยคาดว่าการมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 145,552.40 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.35 ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการ

สำหรับช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงินในโครงการ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

1. เว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th 
2. เว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th 
3. เว็บไซต์ https://govwelfare.dep.go.th/check  (เฉพาะคนพิการ)
4. แอปพลิเคชัน “รัฐจ่าย” (โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง)
5. ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทร 0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง

สำหรับเฟส 2 กลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ไว้แล้วประมาณ 36 ล้านคน ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัด โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการดำเนินการในเฟส 2 คงต้องมี เพราะมีคนลงทะเบียนเข้ามาแล้ว ซึ่งในระยะถัดไปรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมา 1 ชุด โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่มีอยู่ รวมทั้งรายละเอียดอื่น ๆ ที่จะต้องเดินหน้าต่อไปด้วย

จากนี้ไปจะมีคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมานั่งดูอย่างรอบคอบ จะดูในหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งจะจ่ายเงินอย่างไร จ่ายเมื่อไหร่ จ่ายด้วยวิธีไหน ก็คงต้องมานั่งดูกันอีกที โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจตลอดปีนี้ที่อยากให้ได้ 3% แม้ไม่ถึงก็ใกล้เคียง

มีเฮ ลูกหนี้ กยศ. จ่อรับเงินคืน 1.7 แสนคน หลังคำนวณยอดตามกฎหมายใหม่

ลูกหนี้ กยศ. จ่อรับเงินคืน

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ร่วมแถลงข่าวเรื่องความคืบหน้าในการคำนวณยอดหนี้ใหม่ โดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้มีการคำนวณยอดหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมจำนวนกว่า 3.65 ล้านบัญชีเสร็จแล้ว มีผู้กู้ยืมได้รับประโยชน์หลังจากคำนวณยอดหนี้ใหม่จำนวนกว่า 2.98 ล้านราย ภาระหนี้ลดลง 56,326 ล้านบาท

โดยผู้กู้ยืมส่วนใหญ่มียอดหนี้ลดลง บางรายสามารถปิดบัญชีได้ และบางรายได้รับเงินคืน โดยผู้กู้ยืมสามารถตรวจสอบยอดหนี้ที่คำนวณใหม่ได้ที่หน้าเว็บไซต์ กยศ. ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การคำนวณยอดหนี้ใหม่ข้างต้นเป็นการคำนวณหนี้โดยไม่ใช้ระบบ “กยศ. Connect” ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 โดยได้นำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืนกองทุนฯนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่ตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ คิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และคิดเบี้ยปรับในอัตรา 0.5% ต่อปี โดยผู้กู้ยืมสามารถเข้าระบบตรวจสอบภาระหนี้ที่คำนวณใหม่ได้ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

กู้เงิน ธ.ก.ส. ผ่านแอปฯ BAAC Mobile เริ่ม 17 มิ.ย. 67

กู้เงิน ธ.ก.ส. ผ่านแอปฯ BAAC Mobile เริ่ม 17 มิ.ย. 67

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พัฒนาระบบ Digital Service ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงการถอน โอน เติม จ่าย ซื้อสลาก ตรวจสลาก ธ.ก.ส. การตรวจสอบข้อมูลบัญชี เงินฝาก เงินกู้ ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคดิจิทัล พร้อมอำนวยความสะดวก การขอสินเชื่อในโครงการต่าง ๆ อาทิ บัตรเกษตรสุขใจสินเชื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพลูกค้าชำระหนี้ สินเชื่อเงินด่วน สินเชื่อแทนคุณ

สินเชื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติ และสินเชื่อเพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy Credit) เป็นต้น ผ่านแอปพลิเคชันทาง BAAC Mobile LINE Official : BAAC Family และเว็บไซต์ ธ.ก.ส. ได้ด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนขอสินเชื่อต้องเป็นบุคคลทั่วไปที่อายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือเป็นลูกค้าเงินกู้ ลูกค้าเงินฝากของธนาคาร และจะต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หากพบว่าเป็นลูกค้าที่ล้มละลาย จะไม่สามารถแสดงความประสงค์ขอสินเชื่อผ่านระบบดังกล่าวได้  โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนกรอกข้อมูลขอสินเชื่อให้ครบถ้วน ตามช่องทางข้างต้น

ซึ่งลงทะเบียนสำเร็จแล้ว ระบบจะส่งคำขอสินเชื่อที่ลูกค้าต้องการไปยังระบบนัดหมาย เพื่อให้พนักงานสินเชื่อสาขาติดต่อเพื่อทำสัญญา กรณี ที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้สำเร็จ ลูกค้าสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่สาขาใกล้บ้านท่าน หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Call Center 02  555 0555

เพื่อตอบโจทย์การให้บริการผ่านระบบ Digital ธ.ก.ส. ยังเปิดรับฝากสลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงเงิน หน่วยละ 100 บาท วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท พร้อมลุ้นโชครางวัลมูลค่า 100,000 บาท จำนวน 900 รางวัลทุกเดือน รวม 36 ครั้ง และรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาททุกปี รวมมูลค่ารางวัล 3,243 ล้านบาท ฝากครบ 3 ปี รับดอกเบี้ยทันที หน่วยละ 1.90 บาท เปิดรับผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. นี้

วิธีคำนวณหนี้ กยศ. แบบใหม่ ช่วยลดหนี้เร็วขึ้น

วิธีคำนวณหนี้ กยศ. แบบใหม่ ช่วยลดหนี้เร็วขึ้น

เปิดวิธีคำนวณหนี้ กยศ. แบบใหม่ล่าสุด ตัดเงินต้นก่อนดอกเบี้ยปรับ ส่งผลดีต่อผู้กู้ และช่วยลดภาระผู้ค้ำ

เว็บไซต์สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีเตรียมประกาศแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ยอมรับว่า หลังจากปัญหาโควิด-19 ทุกคนประสบปัญหา จึงมียอดกู้เงิน กยศ. สูงสุดในรอบ 20 ปี มียอดปล่อยกู้ 46,000 ล้านบาท จากผู้กู้เงินหรือนักเรียนทุนรัฐบาล 7 แสนคน ในปี 2567 คาดว่ายอดกู้เงินประมาณ 45,000 ล้านบาท อยากย้ำว่าทุกคนได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม กยศ. จึงขอเป็นหลักประกันให้กับทุกครอบครัว เพื่อให้เข้าถึงการศึกษา

ในการหารือแก้หนี้ กยศ. ตาม พ.ร.บ.กยศ. ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าเดิม และให้คำนวณภาระหนี้ใหม่ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี (จากเดิม 1% ต่อปี)
  2. กรณีผิดนัดชำระ ลดอัตราเบี้ยปรับเหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี (จากแต่เดิม 7.5% ต่อปี)
  3. ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี
  4. เพิ่มให้มีการกู้เรียนในหลักสูตรระยะสั้น และให้ทุนการศึกษา
  5. ปรับลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ โดยหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนดก่อน ตามมาด้วยดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่มตามลำดับ
  6. เพิ่มจำนวนงวดชำระเป็นรายเดือน รายไตรมาส และรายปี (จากแต่เดิมมีเฉพาะงวดชำระรายปี)
  7. ช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างการบังคับคดี ให้สามารถผ่อนผันการชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ หรือแปลงหนี้ใหม่ ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนฯ กำหนด

วิธีคำนวณหนี้ กยศ. รูปแบบใหม่ ที่จะทำให้หนี้ลดเร็ว

  1. หักเงินต้นก่อน
  2. หักดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่
  3. หักดอกเบี้ยผิดนัดชำระ

ขณะนี้ ลูกหนี้ กยศ.ทั่วประเทศมีประมาณ 6.7 ล้านคน มูลหนี้ประมาณ 743,981 ล้านบาท หากบังคับใช้กฎหมายใหม่ ตาม พ.ร.บ.กยศ. จะช่วยลดภาระหนี้

เมื่อคำนวณหนี้สินแบบใหม่ในอัตราดอกเบี้ยใหม่ เมื่อตัดเงินต้นที่ครบกำหนด แล้วค่อยตัดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ จะทำให้ลดภาระหนี้ได้มากขึ้น สิ่งเป็นประโยชน์มากที่สุด คือ ย้อนหลังไปถึงวันแรกของการกู้เงิน ด้วยการนับถอยหลังให้หมดทุกคน ด้วยการคำนวณหนี้ใหม่ทั้งระบบ

ข่าวปลอม! กู้เงินออมสิน 100,000 บาท ผ่อนต่ำสุดเดือนละ 669 บาท

ข่าวปลอม! กู้เงินออมสิน 100,000 บาท ผ่อนต่ำสุดเดือนละ 669 บาท

ตามที่มีข้อมูลด้านการเงินเรื่องออมสินปล่อยสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ ผ่อนต่ำสุด 669 บาทต่อเดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีโฆษณาเชิญชวนว่า ออมสินปล่อยสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท ผ่อนนานสูงสุด 8 ปี ต่ำสุด 669 บาทต่อเดือน ผ่านเพจสาขาพิไวย์-Mymo และ เพจ Gamer and anime นั้น ทางธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ภาพสื่อ และเพจดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับธนาคาร อีกทั้งทางธนาคารไม่มีนโยบายให้บริการเงินกู้ผ่านช่องทางออนไลน์ตามที่เพจดังกล่าวนำมากล่าวอ้างแต่ประการใด

ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อเพจดังกล่าว ที่มีการแอบอ้างชื่อของธนาคารในการชักชวนลักษณะนี้ โดยสามารถติดตามข่าวสารจากสื่อช่องทางหลักของธนาคารได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th แอปพลิเคชัน MyMo Social Media ช่องทาง GSB Society และ GSB Now เท่านั้น

ธอส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 66

ธอส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 66

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 25 ม.ค. 66 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดยให้มีผลทันที

ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 4 ติดต่อกัน รวมปรับขึ้น 1% ต่อปี นับตั้งแต่การปรับขึ้นในเดือน ส.ค. 65 นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และการเงิน (ALCO) ของ ธอส. จึงได้มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 66 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาด

ทั้งนี้ ในปี 2565 ธอส. ได้มีการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้มาโดยตลอดเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการช่วยให้ลูกค้าเงินกู้ของธนาคารให้ได้มีเวลาปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคต และยังเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี 9 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. 63 อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 6.15% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.40% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) จาก 5.75% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้น เป็น 6.00% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 5.90% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้น เป็น 6.15% ต่อปี

ข่าวปลอม! กู้เงินเป๋าตัง 10,000 บาท ผ่านแอปฯ ผ่อนเดือนละ 217 บาท

แอปเป๋าตัง

กู้เงินผ่านแอปฯ เป๋าตัง 10,000 บาท ผ่อนเดือนละ 217 บาท ล่าสุดธนาคารกรุงไทยตอบแล้วว่าไม่จริง ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเงินเรื่องแอปพลิเคชันเป๋าตัง ให้ยืม 10,000 บาท ผ่อนเดือนละ 217 บาทต่อเดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยธนาคารกรุงไทย พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีที่มีผู้โพสต์ในเฟซบุ๊กระบุว่าแอปพลิเคชันเป๋าตัง ให้ยืม 10,000 บาท ผ่อนเดือนละ 217 บาทต่อเดือน ทางธนาคารกรุงไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ธนาคารไม่มีบริการให้สินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งเป็นการแอบอ้างนำโลโก้ของธนาคารไปใช้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความสับสน

และแนบลิงก์สำหรับเพิ่มเพื่อนในไลน์ เพื่อเชิญชวนให้บริการกู้เงิน โดยธนาคารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่แอบอ้างแต่อย่างใด ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทั้งนี้หากพบ SMS อีเมล หรือ LINE ที่มีลิงก์แอบอ้างเป็นธนาคาร หรือพบเหตุผิดปกติ สามารถแจ้งผ่าน Facebook Fanpage Krungthai Care และ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กู้เงินออมสิน ผ่านแอปฯ MyMo ดอกเบี้ยต่ำ 1.25% ต่อเดือน

ออมสินปล่อยกู้

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนฐานรากยังขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้ต้องหันไปพึ่งการกู้นอกระบบ กลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ธนาคารออมสินได้เดินหน้าทำธุรกิจบนหลักการเพื่อช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดธนาคารเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อ MyMo-My Credit แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งที่เป็นแรงงานนอกระบบ และมนุษย์เงินเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ และอนุมัติเร็วผ่านแอป ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนได้ โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการกว่า 100,000 ราย ด้วยวงเงินปล่อยกู้ในช่วงเริ่มต้นประมาณ 1,000–2,000 ล้านบาท และจะขยายต่อไป

สินเชื่อ MyMo MyCredit มีจุดเด่นคือลูกค้าธนาคารออมสินสามารถยื่นสมัครขอสินเชื่อผ่านแอป MyMo ได้โดยไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ และไม่ต้องใช้หลักประกันในการกู้ เพียงกรอกเลขที่และข้อมูลบัตรประชาชน และธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียมการให้บริการสินเชื่อ

โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้า (Financial Transaction) มาประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ แทนการวิเคราะห์รายได้ เรียกว่า Alternative Credit Score ซึ่งหากลูกค้าผ่านเกณฑ์การพิจารณาก็จะสามารถสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีให้กับตัวเอง ที่เรียกว่า My Credit โดยลูกค้าสามารถทำสัญญาเงินกู้บนแอป MyMo

และรับเงินโอนเข้าบัญชีโดยตรง จากนั้นการจ่ายเงินงวดทำได้โดยธนาคารจะหักจากบัญชีเงินฝากเมื่อครบกำหนดชำระในแต่ละงวดโดยอัตโนมัติ เป็นการอนุมัติสินเชื่อผ่านแอป (Digital Lending) ตลอดทั้งกระบวนการ โดยลูกค้าไม่ต้องไปติดต่อธนาคาร

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถขอกู้ได้รายละ 10,000 – 30,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1.25% ต่อเดือน นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนเตรียมตั้งบริษัทลูกเพื่อเข้าทำธุรกิจ Non Bank เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการปล่อยสินเชื่อเร่งด่วนสำหรับลูกค้าบุคคล ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธุรกิจ Non Bank รายอื่น เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินด้วยต้นทุนที่เป็นธรรม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจ Non Bank กับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ราวปลายปี 2566

ภูมิใจไทยเสนอ งดเก็บดอกเบี้ย กยศ. อนุทินเตรียมสู้แก้กฏหมายในสภาฯ

กยศ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ร่วมกันแถลงข่าว ถึงผลการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่จะนำประกบกับร่างของรัฐบาล มีประเด็นสำคัญ ที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอ

รัฐมนตรีรายนี้ เผยว่า ร่างกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย มีการแก้ไขมาตรา 44 ไม่ให้มีการเรียกเก็บดอกเบี้ย เพราะเป็นเรื่องการให้การศึกษาที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ แต่คณะกรรมาธิการฯ แก้ไขจากร่างของรัฐบาล ที่คิดดอกเบี้ยจาก 2% เป็น 0.25% ซึ่งต่างจากของพรรคภูมิใจไทย ไม่คิดดอกเบี้ย และแม้ว่าพรรคภูมิใจไทย

สู้ในคณะกรรมาธิการฯ แล้วแพ้ แต่ก็จะหยุดความพยายาม จึงจะมาสู้อีกครั้งในสภาผู้แทนราษฎร โดยนายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ขอแปรญัตติเอาไว้ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะทำให้จะทำให้รัฐบาลขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษานั้น นายอนุทิน ย้ำว่า รัฐบาลต้องให้โอกาสนักศึกษาจบใหม่

ในการทำงาน และขอให้รัฐบาลต้องมั่นใจศักยภาพของเด็กไทย ที่จะสามารถทำงานได้ และมีความพร้อมในการคืนเงินกู้ยืม ผ่านรูปแบบภาษี รายได้บุคคลธรรมดา นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ไม่ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติอย่างไร ก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิก แต่ในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย จะยืนยันสนับสนุนให้งดการจัดเก็บดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการศึกษา