ธ.ก.ส.

กู้เงิน ธ.ก.ส. ผ่านแอปฯ BAAC Mobile เริ่ม 17 มิ.ย. 67

กู้เงิน ธ.ก.ส. ผ่านแอปฯ BAAC Mobile เริ่ม 17 มิ.ย. 67

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พัฒนาระบบ Digital Service ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงการถอน โอน เติม จ่าย ซื้อสลาก ตรวจสลาก ธ.ก.ส. การตรวจสอบข้อมูลบัญชี เงินฝาก เงินกู้ ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคดิจิทัล พร้อมอำนวยความสะดวก การขอสินเชื่อในโครงการต่าง ๆ อาทิ บัตรเกษตรสุขใจสินเชื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพลูกค้าชำระหนี้ สินเชื่อเงินด่วน สินเชื่อแทนคุณ

สินเชื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติ และสินเชื่อเพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy Credit) เป็นต้น ผ่านแอปพลิเคชันทาง BAAC Mobile LINE Official : BAAC Family และเว็บไซต์ ธ.ก.ส. ได้ด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนขอสินเชื่อต้องเป็นบุคคลทั่วไปที่อายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือเป็นลูกค้าเงินกู้ ลูกค้าเงินฝากของธนาคาร และจะต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หากพบว่าเป็นลูกค้าที่ล้มละลาย จะไม่สามารถแสดงความประสงค์ขอสินเชื่อผ่านระบบดังกล่าวได้  โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนกรอกข้อมูลขอสินเชื่อให้ครบถ้วน ตามช่องทางข้างต้น

ซึ่งลงทะเบียนสำเร็จแล้ว ระบบจะส่งคำขอสินเชื่อที่ลูกค้าต้องการไปยังระบบนัดหมาย เพื่อให้พนักงานสินเชื่อสาขาติดต่อเพื่อทำสัญญา กรณี ที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้สำเร็จ ลูกค้าสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่สาขาใกล้บ้านท่าน หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Call Center 02  555 0555

เพื่อตอบโจทย์การให้บริการผ่านระบบ Digital ธ.ก.ส. ยังเปิดรับฝากสลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงเงิน หน่วยละ 100 บาท วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท พร้อมลุ้นโชครางวัลมูลค่า 100,000 บาท จำนวน 900 รางวัลทุกเดือน รวม 36 ครั้ง และรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาททุกปี รวมมูลค่ารางวัล 3,243 ล้านบาท ฝากครบ 3 ปี รับดอกเบี้ยทันที หน่วยละ 1.90 บาท เปิดรับผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. นี้

เช็กเงินประกันรายได้ข้าว-เงินเยียวยาชาวนา ธ.ก.ส. 

เช็กเงินประกันรายได้ข้าว-เงินเยียวยาชาวนา ธ.ก.ส. 

นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเกษตรกรผ่านมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 แก่เกษตรกรอีกกว่า 9,184 ครัวเรือน เป็นจำนวนเงิน 24.91 ล้านบาท ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ โดยแบ่งเป็น โครงการ

สนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละพัน) ครั้งที่ 12 เป็นเงินกว่า 21.72 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 3,302 ครัวเรือน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 งวดที่ 19 และงวดที่ 1 – 18 (เพิ่มเติม) เป็นเงินกว่า 3.19 ล้านบาท และมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 5,882 ครัวเรือน

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้เริ่มดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ประกอบไปด้วย โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละพัน) ไปแล้วจำนวนกว่า 53,896.82 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 4.62 ล้านครัวเรือน และ

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 1 – 17 จำนวนเงิน 7,847.73 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์ไปแล้ว 2.60 ล้านครัวเรือน โดยเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile และ A-Mobile Plus ตลอด 24 ชั่วโมงและจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family

กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ สำหรับเกษตรกรที่มีข้อสอบถามเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555

ธ.ก.ส. โอนเงินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ธ.ก.ส. โอนเงินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว

นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 และมติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและ

พัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 และโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้เริ่มทยอยโอนเงินให้เกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ประกอบไปด้วย โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละพัน)

เป็นเงินกว่า 53,769.45 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 4.67 ล้านครัวเรือน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 1-14 เป็นจำนวนเงินกว่า 7,833.59 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 2.74 ล้านครัวเรือน

ในวันนี้ (25 ธ.ค. นี้) ธ.ก.ส. ได้ทำการโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผ่านมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 แก่เกษตรกรอีกกว่า 16,222 ครัวเรือน เป็นจำนวนเงิน 80.23 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละพัน)

ครั้งที่ 8 เป็นเงินกว่า 69.49 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 10,694 ครัวเรือน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 งวดที่ 15 และงวดที่ 1 – 14 (เพิ่มเติม) เป็นเงินกว่า 10.74 ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 5,528 ครัวเรือน

เพื่อการเกษตรที่ดีขึ้น! ธ.ก.ส. จัดชำระดีมีคืนพลัส คืนดอกเบี้ย 20เปอร์เซ็นต์

ธ.ก.ส.

ธ.ก.ส. จัดชำระดีมีคืนพลัส คืนดอกเบี้ย 20% ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องเกษตรกร ตรวจสอบสิทธิ์เข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธ.ค. 65

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พร้อมดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภัยธรรมชาติและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น

โดยจัดทำมาตรการฟื้นฟูและลดหนี้ครัวเรือนเกษตรกร พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการบริหารหนี้ในระดับจังหวัดและสาขาเพื่อจัดทีมงานลงไปพบปะพูดคุย สอบถามปัญหากับเกษตรกรลูกค้า และวางแนวทางการเข้าไปช่วยเหลืออย่างตรงจุด ควบคู่กับการจัดทำโครงการชำระดีมีคืนพลัส ปีบัญชี 2565 เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สินและเสริมสภาพคล่องให้เกษตรกรได้มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในครัวเรือน

สำหรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการชำระดีมีคืนพลัส ปีบัญชี 2565 ต้องเป็นเกษตรกรรายบุคคลที่มีสถานะเป็นหนี้ปกติ มีกำหนดชำระหนี้คงเหลือในปีบัญชี 2565 (ยกเว้นหนี้เงินกู้โครงการที่ได้รับชดเชยดอกเบี้ยตามนโยบายรัฐบาล) และชำระหนี้ตามกำหนดเวลา จะได้รับดอกเบี้ยคืนในอัตรา 20% ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท โดยทุกการชำระเงินธนาคารจะคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากลูกค้า โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากในวันถัดไป

ลูกค้าสามารถตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ทั้งนี้ ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 65 ซึ่งเมื่อเกษตรกรลูกค้าชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วสามารถรับการสนับสนุนสินเชื่อใหม่เพื่อนำไปลงทุนในการประกอบอาชีพและต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการฟื้นฟูอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่เหมาะสมต่อไป