นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลกเตือนว่า การที่ทั่วโลกจะสามารถผลิตพลังงานได้เพียงพอโดยไม่ต้องพึ่งพารัสเซียนั้น อาจจะต้องใช้เวลานานหลายปี โดยนับตั้งแต่รัสเซียส่งกองกำลังทหารรุกรานยูเครนในเดือน ก.พ.นั้น ทั่วโลกก็ต้องประสบกับวิกฤตพลังงาน และส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะชะลอตัวแต่เงินเฟ้อสูง (Stagflation)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายมัลพาสส์ระบุในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในวันพุธ (28 ก.ย.) ว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เศรษฐกิจยุโรปจะเผชิญกับภาวะถดถอย ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และผลผลิตทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้หดตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ “สถานการณ์เหล่านี้จะ
สร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา” นายมัลพาสส์ กล่าว พร้อมกับแนะนำว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างเชื่องช้านั้น จำเป็นต้องแก้ไขด้วยมาตรการทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายแบบกำหนดเป้าหมายให้มากขึ้น
และการทุ่มเทความพยายามในการเพิ่มอุปทาน “เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงราคาอาหาร ปุ๋ย และพลังงานที่พุ่งขึ้นอย่างมาก รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น การอ่อนค่าของสกุลเงิน และเม็ดเงินทุนที่ไหลออกนอกประเทศ นอกจากนี้ เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังเผชิญกับอันตราย
จากการที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายประเทศที่ประสบกับความยากลำบากในการหวนกลับไปมีรายได้ต่อหัวประชากรที่ระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด” นายมัลพาสส์กล่าว