เงินบาทไทย

ธปท. จับตาเงินบาทไทยผันผวนอย่างใกล้ชิด ยังปกติดี

เงินบาทไทย

ดร.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยหลักมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. เป็นสำคัญ หลังตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด

และอาจกดดันให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในระยะข้างหน้า รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศอังกฤษ หลังการประกาศลาออกจากตำแหน่งของอดีตนายกรัฐมนตรี Liz Truss นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนจากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ของจีน ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวของไทย

ด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ยังไม่พบสัญญาณที่ผิดปกติ โดยนับตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2565 นักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะเป็นซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทยประมาณ 1.1 แสนล้านบาท (ซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์กว่า 1.4 แสนล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรพันธบัตรที่ 3 หมื่นล้านบาท)

ทั้งนี้ แบงก์ชาติได้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด โดยภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

ค่าเงินบาทอ่อนค่า 37 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยภายนอกกดดันต่อเนื่อง!

ค่าเงินบาท

นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน แบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าผ่านระดับ 37.00 บาท ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยต่างประเทศทั้งจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าเดิม หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ยังอยู่ในระดับสูง และ risk sentiment ของค่าเงินในกลุ่ม EM Asia ที่ปรับแย่ลงหลังค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่าขึ้นเหนือระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ สรอ. รวมถึงยังมีปัจจัยเฉพาะของไทยจากราคาทองคำที่ปรับลดลง ส่งผลให้มีแรงซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จากกลุ่มบริษัททองคำเพิ่มขึ้น แบงก์ชาติได้ติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด

และพร้อมเข้าดูแลเมื่อเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติเพื่อไม่ให้กระทบต่อการปรับตัวของภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งนี้ ภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง เราต้องมารอดูกันว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร